เปิดตำนาน “พระมหาเทวีเจ้า” ผู้เป็นที่รักของพสกนิกรและเยาวรุ่นเมืองทิพย์ ————— จุดกำเนิด “แม่หญิงลี เจ๊อย่าวีน” : 1- “พระมหาเทวีเจ้า” ก่อนได้รับการอวยยศ เดิมเป็นสามัญชนนามว่า “ชาติ” ชื่อจริง “บุหงาวลัย คงขวัญ” เป็นชาวปัตตานี อายุ 37 ปี เคยทำงานเป็นผู้ช่วยที่โรงพยาบาล และเกษตรกร ปัจจุบันทำคอนเทนต์คลิปตลก 2- ชาติเริ่มทำคลิปตลกมาตั้งแต่ปี 2558 หรือเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว จนเริ่มมีชื่อเสียงในกลุ่ม LGBTQ+ แต่เพิ่งมาเป็นที่รู้จักในวงกว้างเมื่อไม่นานมานี้ 3- บุคคลใกล้ชิดที่มีบทบาทสำคัญในการเดบิวต์ของชาติ ก็คือ “อีทิพย์” (ชื่อจริง “เป้ - เมญ่า ลินดา”) อายุ 34 ปี เป็นชาวปัตตานีเช่นกัน ทั้งคู่ทำคลิปตลกด้วยกันมานาน 4- คลิปแจ้งเกิดของชาติ คือคลิปที่เขาไปหนีบผมที่ร้านเสริมสวยแถวบ้าน (ชาติโปรดปรานให้เกศาเรียบอยู่เสมอ ใน 1 ปี เขาหนีบผมไปแล้ว

- จบจากเมืองนอกมาอายุ 29 ปี ที่บ้านทำธุรกิจผ้าไหม แต่คิดว่าไม่น่า work หาเงินไม่น่าได้ เลยหันมาทำโรงหนัง ดูหนังเรื่องบ้านทรายทอง นางเอกชื่อเหมือนภรรยา คือ พจมาน เลยจำนำรถเบนซ์ แลกเช็คมา 1 ล้านบาท ทำโรงหนังสายภาคเหนือ ลง 1 ล้าน ได้กำไร 1 ล้าน แต่ผลสุดท้ายขาดทุนหมดตัว เพราะเวลาซื้อหนังดีๆ เขาจะพ่วงหนังไม่ดีมาให้ 2-3 เรื่อง ทำให้ขาดทุน ต่อมากู้เงิน 18 ล้านบาท เอาตึกแถวค้ำ สร้างคอนโด (เพราะสมัยนั้นคอนโดเพิ่งมาใหม่) ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แม้ไม่เคยมีประสบการณ์ พอทำไปจนเจ๊ง เรียกว่า #โง่มาก่อนฉลาด ตนเองมีนิสัยชอบอะไรใหม่ๆ กำลังตอกเสาเข็ม จะสร้างคอนโด 15 ชั้น มหาดไทยบอกว่าใกล้เขตพระราชฐาน เลยสร้างได้แค่ 7 ชั้น ผลคือขาดทุนอีก ทำหนังก็เจ๊ง เช็คก็เด้ง บางทีโดนหมายจับ

กล้วยน้ำว้า กินดี มีประโยชน์ โดย ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรรมอนามัย กล้วยน้ำว้า มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากมายต่อร่างกาย ในบรรดากล้วยทั้งหมด กล้วยน้ำว้าให้แคลเซี่ยมสูงสุด นอกจากนั้นก็ยังมีวิตามินบี 1 บี 2 ซี และไนอะซิน (บี 6) ในปริมาณที่เท่า ๆ กัน แต่ที่ทำให้กล้วยน้ำว้า มีคุณค่าสารอาหารที่พิเศษกว่ากล้วยชนิดอื่น นั่นก็คือ โปรตีนที่อยู่ในกล้วยน้ำว้า มีกรดอะมิโน อาร์จินิน และฮีสติดิน ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก ถึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตอนเด็ก ๆ ผู้ใหญ่ถึงให้เรากินกล้วยบด เพราะอุดมด้วยสารอาหาร และวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายเรานั่นเอง สรรพคุณของกล้วยน้ำว้าช่วยป้องกันโรค 1. กล้วยน้ำว้า ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ หรืออาการเจ็บหน้าอกจากการไอแห้ง ๆ รับประทานวันละ 5 - 6 ผล จะช่วยให้อาการคะคายเคืองลดน้อยลงไปได้มาก หรือหากจะผสมน้ำผึ้งก็ยิ่งดี 2. กล้วยน้ำว้า ยังช่วยระงับกลิ่นปากได้อีกด้วย ถ้าใครมีกลิ่นปากรุนแรงในตอนเช้า กล้วยน้ำว้าก็มีสรรพคุณทางยาช่วยลดกลิ่นปากได้ดี วิธีการก็คือ รับประทานกล้วยน้ำว้าหลังตื่นนอนทันที

ในวันนี้ จะมาให้ความรู้เรื่องปัญหาต่างๆของช่องปาก วิธีแก้ปัญหากลิ่นปาก ทั้งจากภายนอกและภายในช่องปากและสาเหตุของการเกิดกลิ่นปาก มีปัจจัยมากมาย เช่น ฟันผุ ทำให้มีเศษอาหารตกค้างและทำให้แบคทีเรีย เกิดขึ้นภายในช่องปาก โรคเหงือกอักเสบ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับคนสูงวัยที่ปล่อยให้เกิดการสะสมของหินปูนเย่อะจนทำให้เหงือกอักเสบ และมีกลิ่นปากได้ หรือการเป็นโรคต่างๆเช่นโรคมะเร็งในช่องปาก โรคระทางเดินหายใจ โรคภูมแพ้ ไซนัอักเสบ ทอมซิลอักเสบ โรคต่างๆเหล่านี้เป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่นปากได้เช่นกันพร้อม วิธีการใช้น้ำยาบ้วนปากอย่างถูกวิธีในน้ำยา่บ้วนปากตามท้องตลาดทั่วไปที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย มีส่วนประกอบแตกต่างกันออกไป บางชนิดนั้นมีสารกำจัดแบคทีเรียอยู่ด้วย ถ้าเราใช้น้ำยาชนิดที่มีสารกำจัดเแบคทีเรียบ่อยๆหรือทุกๆวันน้ำยาบ้วนปากก็จะเข้าไปกำจัดแบคทีเรียทั้งตัวร้ายและจะทำลายแบคทีเรียตัวดีออกไปด้วย เมื่อแบคทีเรียตัวดีถูกทำลายออกไปหมด จะทำให้ช่องปากเราเกิดเชื้อราขึ้นมาแทน ปัญหาของเชื้อรานั้นรักษายากกว่าที่เราคิดทางการแพษย์ถือว่ารักษายากมาก และทำให้ช่องปากมีกลิ่นเหม็นมากด้วย ตามด้วยวิธีเลือกแปรงสีฟันที่ดีกับขั้นตอนการแปรงอย่างถูกวิธี และวิธีใช้ไหมขัดฟันควบคู่ไปกับการแปรงฟันทุกครั้ง ถ้าเราดูแลช่องปากเราให้ดี และแปรงฟันให้ถูกวิธีแค่นี้ ก็ช่วยลดปัญหาของกลิ่นปากได้แล้ว แถมยังทำให้เรามีฟันที่แข็งแรง และสุขภาพช่องปากที่ดีด้วย โดย ผศท.ทพญ สีดา ถาวรชนันท์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิยาลัยมหิดล

อ่าน วิธีที่ช่วยให้สมองไบรท์ เทคนิคกับการช่วยให้สมองไบรท์ กับ"หนูดี วนิษา เรช " ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยะของสมอง 1. จิบน้ำบ่อยๆเพราะสมองของมนุษย์ประกอบด้วยน้ำถึง85% เซลสมองก็เหมือนต้นไม้ ที่ต้องการน้ำเข้าไปหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำต้นไม้ก็เหี่ยว การดื่มน้ำน้อยจะทำให้สมองส่ง ข้อมูลช้ากลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรจิบน้ำบ่อยๆ 2. กินไขมันดี สมองคือก้อนไขมัน ซึ้งจำเป็นต้องมีไขมันดีเข้าไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ ไขมันดีมักจะมีอยู่ในอาหารประเภทถั่วเหลือง ปลาแซลมอน น้ำมันปลา และสารสกัดใบ แปะก๊วยเป็นต้น 3. การนั่งสมาธิ การกินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่เป็นต้น การ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆจะทำให้สมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินและโดปามีนซึ่งเป็นสารแห่งแห่งความสุขและการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆเมื่อมีความสุขก็ทำให้ความคิดสร้างสรรค์ได้ 4. ให้อภัยตัวเองทุกวัน การโกรธคนอื่นหรือโกรธตัวเองจะทำให้จิตใจว้าวุ่นสมองฟุ้งซ่านเปลืองพลังงานสมอง ดังนั้นการให้อภัยจึงเป็นลดภาระสมองนั้นเอง 5. เขียนบันทึกสิ่งดีๆ เขียนขอบคุณสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่นเขียนขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี เพราะการเขียนสิ่งดีๆนั้นจะทำให้สมองคิดเชิงบวกพร้อมกับการหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้นอนหลับฝันดี 6. การฝึกหายใจลึกๆ เพราะสมองใช้อ๊อกซิเจน20-25%ของอ๊อกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย ดั่งนั้นการฝึกหายใจเข้าลึกๆจึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้อ๊อกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนานๆก็ควรจะหาเวลายืดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ๋สามารถหายใจเอาอ๊อกซิเจนเพิ่มเข้าไปอีก 20%

สมองของมนุษย์ทำหน้าที่ต่างๆมากมายทั้งคิด วิเคราะห์แยกแย่ะสั่งการๆเคลือนไหวของ อวัยวะต่างๆและนอกจากนั้นยังควบคุมอารมณ์ ความจำ และพฤติกรรมต่างๆอีกด้วย ทั้งที่สมองของเราสำคัญขนาดนี้ ยังมีพฤติกรรมบางอย่างของเรา ที่ส่งผลเสียต่อร่างกายและสมองของเราอย่างเช่น 1.การไม่ทานอาหารเช้า การไม่ทานอาหารเช้าจะส่งผลให้สารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้เป็นโรคสมองเสื่อมได้ 2. กินอาหารมากเกินไป เพราะการกินอาหารมากเกินไปนั้น จะทำให้เส้นเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุทำให้เป็นโรคความจำสั้นได้ เราจึงควรทานอาหารในแต่ละมื้อให้พอดี 3. การสูบบุหรี่ เพราะนอกจากจะทำให้เป็นมะเร็งต่างๆ โรคถุงลมโปร่งพอง โรคปอดและอีกสารพัดโรคแล้ว การสูบบุหรี่ยังทำให้เกิดโรคสมองฝ่อ และโรคอัลไซเมอร์ได้ด้ว 4. การทานของหวานมากเกินไป นอกจากจะทำให้อ้วน ยังทำให้เป็นโรคเบาหวานและความดันได้อีก ยังมีส่วนไปขัดขวางการดูดซึมโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยนช์ ซึ้งเป็นสาเหตุทำให้ขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาของสมองอีกด้วย 5. มลภาวะต่าง สมองของคนเรานั้นเป็นอวัยวะที่ใช้พลังงานมากที่สุดของร่างกาย ดังนั้นการที่สูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะเข้าไป จะทำให้อ๊อกซิเจนในสมองลดปริมาณลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองนั้นลดลงไปด้ว 6.การอดนอน การนอนหลับที่เพียงพอนั้นจะทำให้สมองได้พักผ่อน แต่กิจวัตรบางอย่างนั้น ก็เบียดเบียนเอาเวลาพักผ่อนของสมองไปด้วย ดังนั้นการโหมทำงานหนักจนเกินไป หรือการเที่ยวกลางคืน และการอดนอนนั้น ก็จะทำให้เซลสมองนั้นตายได้ 7. การนอนคุมโปง การนอนคุมโปงนั้นกลับเป็นผลร้ายกับสมองของเรา เพราะจะไปลดปริมาณอ๊อกซิเจนที่จะเข้าสู่ร่างกายเรา ซึ้งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง 8. การใช้สมองในขณะที่ป่วย การทำงานหรือเรียนในขณะที่กำลังป่วยจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองนั้นลดลง และเป็นการทำร้ายสมองไปในตัว เพราะฉะนั้นในช่วงที่ป่วยควรพักผ่อนให้เย่อะๆ ทานอาหารที่ดี

โรคไขมันในเลือดสูง เป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับไขมันในเลือดสูงกว่าปกติ อาจเป็นระดับคอเลสเตอรอลสูง หรือระดับไตรกลีเซอร์ไรด์สูงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือสูงทั้งสองชนิดก็ได้ ภาวะไขมันในเลือดสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดซึ้งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ไขมันในเลือดมีหลายชนิด แต่ที่สำคัญได้แก่คอเลสเตอรอล ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองและอีกส่วนหนึ่งได้รับจากอาหาร แบ่งเป็น2ชนิดคือ 1.คอเลสเตอรอลชนิดอันตรายหรือ แอลดีแอลคอเลสเตอรอล ถ้ามีระดับสูงเกินไปจะไปสะสมอยู่ด้านในหลอดเลือดแดงทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดแข็ง ตีบหรืออุดตัน 2.คอเลสเตอรอลชนิดดี เอชดีแอล คอเลสเตอรอล เป็นชนิดที่มีประโยนช์ทำหน้าที่นำคอเลสเตอรอลที่เหลือไปทำลายที่ตับ ผู้ที่มีคอเลสเตอรอลชนิดนี้สูงจะช่วยป้องกันการเกิดภาวะหลอดเลือดแข็ง ไตรกลีเซอไรด์เป็นไขมันอีกชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นเอง และได้รับจากอาหารทำให้หลอดเลือดอุดตันได้ สาเหตุของการเกิดภาวะไขมันในเลือดสูง 1.ความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ 2.ทานอาหารที่มีไขมันคอเลสเตอรอลสูง หรืออาหารที่ให้พลังงานมากเกินความต้องการของร่างกาย 3.โรคหรือการใช้ยาบางชนิด เช่นต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยกว่าปรกติ โรคเบาหวาน โรคไต ยาขับปัสวะ ยาสเตียรอยด์เป็นต้น 4.การดื่มสุราในปริมาณมาก เป็นประจำทำให้ไตรกลีเซอไรด์สูง 5.ขาดการออกกำลังกาย อันตรายจากภาวะไขมันในเลือดสูง ระดับไขมันในเลือดสูงทำให้หลอดเลือดแดงแข็ง ตีบ อุดตัน ส่งผลทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆเช่น โรคหัวใจขาดเลือด อัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวาย หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงขาตีบตัน ตับอ่อนอักเสบเป็นต้น การรักษาภาวะไขมันในเลือดสูง ควบคุมอาหาร อาหารที่ครวทาน นมพร่องมันเนยหรือนมขาดมันเนย เนื้อปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมันโดยแยกเอาไขมันและหนังออกให้หมด ถั่วเมล็ดแห้ง ข้าวที่ไม่ขัดสีมาก ขนมปังโฮลวีต

การดื่มน้ำที่ถูกต้อง " น้ำ" เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีพของมนุษย์ เราจำเป็นต้อง บริโภคน้ำสะอาดเพื่อสุขภาพที่ดีของเราโดยทั่วไป คนเราอาจขาดน้ำได้ประมาณ 3-5 วัน หากเกินกว่านี้เราอาจเสียชีวิตได้เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบหลักของร่างกายมนุษย์ ร่างกายของมนุษย์ เป็นน้ำมากกว่าครึ่ง โดยน้ำมีอยู่ในร่างกายมนุษย์ถึง 70 % เมื่อเราจะดื่มน้ำ เราต้องมั่นใจว่าน้ำนั้น จะต้องมีทั้งปริมาณที่เพียงพอ และมีคุณภาพที่เหมาะสมกับสุขภาพด้วย ที่สำคัญการดื่มน้ำเพื่อที่จะให้เกิดประโยนช์สูงสุด ควรดื่มน้ำให้ถูกต้องด้วย ในหนึ่งวันร่างกายคนเราได้สูญเสียน้ำไปกับขบวนการทางร่างกายไปหลายอย่างเช่น การถ่ายปัสสาวะ เราถ่ายปัสสวะวันละ1.5ลิตรและอีก1ลิตรจากการสูญเสียทางเหงื่อ รวมแล้วเราสูญเสียน้ำทั้งหมด 2.5ลิตรต่อวัน เพราะฉะนั้นเราจึงควรดื่มน้ำเข้าไปทดแทนให้ได้อย่างน้อย วันละ2ลิตร หรือประมาณ8แก้วต่อวัน แต่อายุหรือเกณฑ์ของวัยก็เป็นสิ่งสำคัญ อย่างเช่นผู้ชายวัยหนุ่มที่ใช้พลังงานเย่อะหรือเล่นกีฬาที่เสียเหงื่อมากๆ ก็ควรดื่มมากก่วาคนทั่วไปหรือประมาณ3ลิตรต่อวัน ส่วนผู้หญิงวัยสาวลดลงเล็กน้อยหรือควรดื่มประมาณ2.2 ถึง 2.5 ลิตรต่อวัน ข้อมูลทางวิชาการ การสูญเสียน้ำขึ้นอยู่กับเพศ สรีระและกิจกรรม ผู้หญิงจะเสียน้ำน้อยกว่าผู้ชาย แต่ผู้หญิงวัยสาวที่เล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมที่เสียเหงื่อมากๆก็ควรดื่มวันละ3ลิตรเช่นกัน ข้อสังเกตุสำหรับคนตั้งครรภ์ควรดื่มน้ำมากกว่าปรกติ เพราะต้องเผื่อน้ำเข้าไปเลี้ยงทารกในครรภ์ด้วย เราควรดื่มน้ำเวลาใหนดี ตอนเช้า ช่วงตื่นนอนตอนเช้าควรดื่มซัก1แก้ว การดื่มน้ำตอนเช้าสำคัญมากๆ เพราะการดื่มน้ำตอนเช้าจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ตอนสายอีก2แก้ว บ่ายๆ3แก้ว ช่วงเย็น3แก้วและก่อนเข้านอนอีก1แก้วเป็นอย่างน้อย ค่อยๆดื่มเป็นช่วงๆให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน เพื่อสุขภาพที่ดีตลอดไป