เกาหลีเหนือ คือหนึ่งในประเทศที่แยกตัวโดดเดี่ยวออกจากโลกภายนอกมากที่สุดชาติหนึ่ง ด้วยระบอบการปกครองแบบเผด็จการ ทำให้ประชาชนทั้งหลายต้องอยู่ภายใต้กฏมากมาย เสรีภาพถูกจำกัด และแน่นอนว่าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกจากประเทศได้ ยกเว้นแต่มีเหตุเฉพาะกิจ และวันนี้เพชรมายาจะขอนำวิธีการหลบหนีออกนอกประเทศแบบต่างๆ ของชาวเกาหลีเหนือมาเล่าสู่กันฟัง มาดูกันว่าจะมีวิธีไหนกันบ้าง

1.เขตปลอดทหาร

 

บนคาบสมุทรเกาหลี จะมีเขตปลอดทหารที่เรียกว่า DMZ ซึ่งเป็นพื้นที่แบ่งแยกระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ออกจากกัน โดยมีความยาวถึง 240 กิโลเมตร ถึงแม้ภายในโซนนี้จะห้ามทหารเข้าไป แต่ความอันตรายของมันคือมีทหารจำนวนไม่น้อยที่คอยเฝ้าบริเวณนี้ แถมยังมีทุ่นระเบิดอีกเพียบ แต่เรื่องตลกก็คือ ในอดีตที่ผ่านมา ทหารของเกาหลีเหนือมักจะใช้เขตปลอดทหารนี้เป็นที่ลี้ภัย และเกาหลีใต้ก็มักจะมอบสัญชาติเกาหลีใต้ให้ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ลี้ภัยเหล่านี้จะไม่ต้องถูกส่งกลับไปเพื่อถูกประหารชีวิต

 

2. ทะเลเหลือง

 

ทะเลเหลือง (Yellow Sea) คือพรมแดนทางทะเลระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่สั้นและง่ายสำหรับทั้งสองประเทศ อันตรายเพียงอย่างเดียวของที่นี่คือกองทัพเรือเกาหลีเหนือ ที่พร้อมจะสังหารทุกคนที่ผ่านน่านน้ำแห่งนี้ แต่ในอดีต มีนักว่ายน้ำที่เก่งๆ หลายคนใช้เส้นทางนี้ในการหลบหนีได้สำเร็จ

 

3. ทะเลญี่ปุ่น

   

     ทะเลญี่ปุ่นถือเป็นเขตแดนปกติระหว่างเกาหลีเหนือและญี่ปุ่น โดยมีพรมแดมเกาหลีใต้และรัสเซียล้อมรอบ ซึ่งเส้นทางนี้ถือว่าเป็นเส้นทางที่ดีและมีความหวัง ส่วนที่ยากคือการพาเรือไปยังญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ ส่วนทางญี่ปุ่นเองเมื่อเจอผู้ลี้ภัย ก็จะให้ความช่วยเหลือ ด้วยการส่งต่อพวกเขาไปยังเกาหลีใต้ต่อไป

 

4. พรมแดนเกาหลีเหนือและจีน

            มีผู้ลี้ภัยชาวเกาหลีเหนือไม่น้อย ที่เลือกใช้พรมแดนระหว่างจีนเป็นเส้นทางหลบหนี และมักจะมีคนจีนที่รู้เส้นทางและทางหนีทีไล่ ให้ความช่วยเหลือ แต่ข่าวร้ายก็คือจีนเป็นประเทศที่ไม่ต้อนรับผู้ลี้ภัยเกาหลีเหนือ ทางรัฐบาลของทั้งสองประเทศจึงได้ร่วมมือส่งผู้ลี้ภัยกลับบ้านเกิด ซึ่งอาจถูกประหารหรือเข้าค่ายกักกันแรงงานต่อไป

 

5. เป็นนักกีฬาโอลิมปิก

 

นอกจากนักกีฬาเกาหลีเหนือจะได้เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกในประเทศประชาธิบไตยแล้ว พวกเขายังมีโอกาสอันดีที่จะหลบหนีไม่กลับไปยังประเทศตนเองอีกด้วย รัฐบาลเกาหลีเหนือพร้อมที่จะให้รางวัลแก่ผู้ที่ได้เหรียญ แต่ก็พร้อมจะลงโทษนักกีฬาที่กลับบ้านมือเปล่าเช่นกัน

 

6. ทีมฟุตบอล

 

เกาหลีเหนือเคยมีทีมฟุตบอลที่ได้ไปแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2010 แต่จากการที่ไม่ชนะใครเลยครั้งนั้น แถมโดนยิงไปถึง 12 ประตูใน 3 เกม ทำให้นักเตะถูกลงโทษและประจานให้อายในที่สาธารณะ รวมถึงโค้ชที่ถูกไล่ไปทำงานก่อสร้าง ดังนั้นเมื่อทีมแพ้ นักเตะโสมแดงหลายคนจึงมักจะขอทำเรื่องลี้ภัยออกนอกประเทศกันให้เพียบ

 

7. เป็นแรงงานต่างด้าว

 

รัฐบาลเกาหลีเหนือมีการหารายได้จากการส่งประชาชนไปทำงานเป็นแรงงานต่างด้าวในต่างประเทศ เช่น จีนและรัสเซีย โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมในศึกฟุตบอลโลกปี 2018 ที่รัสเซีย แรงงานเกาหลีเหนือหลายคนต้องถูกบังคับไปทำงานอย่างหนัก มีหลายคนที่เสียชีวิต รวมถึงการถูกคุมเข้มไม่ให้หลบหนี แต่ก็มีบางคนที่หลบหนีไปได้เช่นกัน

 

8. คณะทูตานุทูตเกาหลีเหนือ

 

เหมือนกับประเทศอื่นๆ เกาหลีเหนือก็มีคณะทูตานุทูตและสถานทูตในบางประเทศ แต่ชีวิตของคนเหล่านี้ไม่ได้สุขสบาย หลายคนอยู่อย่างยากจน ซึ่งในปี 1997 เอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือที่อียิปต์ก็แปรพักตร์ไปยังอเมริกา ส่วนในปี 2016 นักการทูตอาวุโสคนหนึ่งพร้อมภรรยาและลูกๆ ที่อยู่ในสหราชอาณาจักรก็แปรพักตร์ไปอยู่กับเกาหลีใต้

 

9. สายการบินแอร์โครยอ

 

นี่คือสายการบินของรัฐบาลเกาหลีเหนือ ที่รู้จักกันดีในเรื่องของคุณภาพที่ต่ำมาก และมันเป็นสายการบินเดียวหนึ่งดาวเพียงสายการบินเดียวในโลก ข้อเสียของแอร์โครยอมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสภาพเครื่องที่เก่า (เพราะเป็นเครื่องบินเก่าของโซเวียต) แถมด้วยโฆษณาชวนเชื่อบนเครื่องเพียบ ข้อดีข้อเดียวของสายการบินนี้คือ มันถูกใช้เป็นช่องทางหลบหนีของชาวเกาหลีเหนือนั่นเอง

10. โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน

 

เกาหลีเหนือเองก็มีโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน โดยในแต่ละปีจะมีนักเรียนเกาหลีเหนือหลายคนที่ได้โอกาสเข้าโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนกับจีน ข้อดีของโครงการนี้คือ นักเรียนของเกาหลีหลายคนกลับบ้านมาพร้อมกับความรู้ที่สามารถช่วยพัฒนาบ้านเกิดตนเองได้ แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่ใช้โอกาสหนีหลบหนีออกนอกประเทศเช่นกัน