ตอนหนังเข้าใหม่ ๆ จขกท ก็ไม่ได้ดูนะ
เพิ่งจะมาได้ดู ไม่กี่วันนี้เอง … ดูจนจบก็ยังเฉย ๆ หน้านิ่ง ๆ

ถามความรู้สึกว่าเป็นไงบ้าง สนุกมั้ย ? ดีใหม ? ไม่มีคำตอบ จขกท ไม่มีไรจะพูดเลย
ถ้าถามว่า แล้วมันแย่หรอ ??  ห่วยหรอ ?? จขกท ก็ไม่มีคำตอบ ไม่มีอะไรจะพูดเช่นกัน …

แต่มีคำถามในหัวว่า ทำไมหนังถึงเป็นที่พูดถึงกันมาก บางสำนัก บางคนยกให้เป็นหนังขึ้นหิ้ง

ใครที่ประทับใจเรื่องนี้ ช่วยบอกหน่อยว่า หนังเรื่องนี้ดียังไง น่าประทับใจตรงใหน
ช่วยเล่าที เผื่อผมจะกลับไปดูเก็บรายระเอียดอีกรอบ


555 หลายความเห็นบอกว่าต้องรู้ประวัติศาสตร์ หรืออายุ50ปี ถึงจะดูแล้วเข้าใจ
แต่เราดูครั้งแรกตอน16-17 ประมาณ3-4ปีที่แล้ว ก็ชอบมากๆแล้วนะ แต่หลายอย่างก็เพิ่งรู้ว่าล้อประวัติศาสตร์ 555

ที่ชอบน่าจะเพราะหลงรักบุคลิกของGump ที่มองโลกในแง่ดีได้ตลอด ทำอะไรไปเรื่อยๆตามที่อยาก(เช่น ตอนออกไปวิ่ง) โดยไม่ต้องมีความหมาย ความคาดหวังอะไรเลย
ดูเป็นชีวิตที่มีความสุขมากๆ แล้วเราก็อยากทำได้บ้าง
จำได้ว่าตอนดูจบ รู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่อิ่มเอมมากๆ ทั้งหัวเราะ ทั้งร้องไห้ ทั้งทึ่งกับมุมมองมองของตัวเอกและหลายๆอย่างที่หนังสื่อออกมา

อาจจะเป็นเพราะเราอิน แล้วก็ชอบหนังแนวนี้อยู่แล้วด้วย คิดว่าถ้าคนอื่นที่ชอบแนวบู๊หรืออะไรประมาณนี้ อาจจะเฉยๆก็ได้


คนส่วนใหญ่ในสังคมชอบเอาชีวิตของตัวเองไปยึดติดกับอนาคต ยึดติดกับเป้าหมาย มองว่าชีวิตปัจจุบันเป็นช่วงที่ทนทุกข์

โลกเรามีคนอยู่ 2 ประเภท คือ “นักท่องเที่ยว” และ “นักเดินทาง”

ถ้าสมมติว่าเป้าหมายของทั้งคู่คือ ภูเขาเอเวอเรสต์
“นักท่องเที่ยว” จะทำยังไงก็ได้เพื่อให้ตัวเองไปถึงภูเขาให้เร็วที่สุด ไม่สนใจระหว่างทาง พุ่งไปที่จุดหมายปลายทางเป็นหลัก เขาไม่มีความสุขระหว่างการเดินทางเลย ความสุขของเขาจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ เขาไปถึงภูเขาเอเวอร์เรสต์แล้ว ดังนั้นหากภารกิจของเขาล้มเหลวหรือตายไปซะก่อน เขาจะรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองไร้ค่ามาก เพราะทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ
แต่ “นักเดินทาง” จะไม่ยึดติดกับเป้าหมาย เขาจะโฟกัสไปกับสิ่งค่างๆที่เขาพบเห็นรอบตัว เดินทางแบบไม่รีบร้อน เหนื่อยก็พัก มีแวะถ่ายรูปตามจุดต่างบ้าง เขามีความสุขระหว่างการเดินทางมาก ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาในการเดินทางนานกว่า “นักท่องเที่ยว” หากภารกิจล้มเหลวระหว่างทาง เขาก็ไม่รู้สึกเสียดาย เพราะ ใช้ชีวิตคุ้มค่ามากพอแล้ว

ตัวละครอื่นๆในหนังเรื่อง Forrest Gump อย่าง เจนนี่ และ ผู้หมวดแดน จึงเป็นภาพแทนของ “นักท่องเที่ยว” พวกเขายึดติดกับความฝันและจุดหมายอันสูงสุด อยากเป็นนักร้องชื่อดัง อยากตายในสนามรบ แต่พอเป้าหมายล้มเหลว พวกเขากลับรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองไร้ค่า และกดตนเองให้ต่ำลง

ฟอเรสท์ กัมพ์ คือภาพแทนของ ” นักเดินทาง” ชีวิตของเขาเป็นเหมือนขนนกที่ล่องลอยไปทั่ว เขาไม่รู้ว่าชีวิตของตัวเองจะเป็นอย่างไรต่อไป กัมพ์เป็นคนที่มีความสุขในทุกช่วงของชีวิต ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแค่ไหน เขาก็มีความสุขได้จากการมองโลกในแง่ดี กัมพ์เป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ใน ” ปัจจุบัน” กระตือรือร้นและสนุกสนานกับสิ่งที่กำลังทำอยู่อย่างเต็มที่ เล่นกีฬาก็มีความสุขกับการวิ่งและการหวดลูกปิงปองมากกว่าการทำแต้มคะแนน ขนาดอยู่ในค่ายทหารโหดๆ เขาก็รู้สึกสนุก มองว่ามันง่าย แค่ยืนตัวตรง ฟังคำสั่งก็พอแล้ว

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่เปลี่ยนชีวิตผมเลย ทำให้ผมลดความอ้วนได้ เมื่อก่อนตอนอ้วน ผมเป็น “นักเที่ยวท่อง” ผมมองว่า ผมจะมีความสุขและมั่นใจในตัวเองได้ก็ต่อเมื่อ ผมผอมแล้ว ดังนั้นภารกิจก็คือต้องผอมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมจึงออกกำลังกายและคุมอาหารอย่างหักโหม กินแบบอดๆอยาก แต่ก็ล้มเหลว เพราะผมไม่มีความสุขเลย
ดังนั้น ผมจึงเปลี่ยนมาเป็น “นักเดินทาง” ผมออกกำลังกายแบบค่อยเป็นค่อยไป กินอาหารที่มีประโยชน์ มีตามใจปากบ้างเล็กน้อย ใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบัน มีความสุขเวลาที่เหงื่ออกตอนออกกำลังกายและกินอาหารที่ดี วิธีนี้ใช้เวลานานมากกว่าผมจะลดได้ แต่มันกลับเป็นวิธีที่ได้ผลดีมากและยั่งยืนในระยายาว ตอนนี้หุ่นเฟริมแล้ว555

ขอบคุณ Foreest Gump


ขอถามรสนิยมจขกท. ก่อนครับ ปกติดูหนังแนวไหนเป็นหลักครับ อยู่ดีๆ มีคนเอาส้มตำปูปลาร้ามาให้ผมกินผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน

พูดถึงหนังเรื่องนี้ เอาแง่เทคนิคการถ่ายทำก่อน ถือเป็นสุดยอดในยุคนั้นทีเดียว การที่ gump ไปโผล่ในเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ได้ประหนึ่งอยู่ในยุคนั้นจริงๆ ถือเป็นเรื่องน่าประทับใจมาก แต่ถ้าพูดถึงมาตรฐานปัจจุบัน มันก็นะ…

การแสดงในเรื่องนี้มันสุดยอดตรงที่ gump เป็น autistic และคุณรับรู้ได้เลย โดยไม่ตะขิดตะขวงใจว่านั่น hank นะไม่ใช่ gump การเล่นบทแบบนี้ให้พอดีมันยาก ถ้าล้นคุณก็รู้ว่าแสดง ถ้าน้อยคุณก็บ่นว่าแข็ง

บท ง่ายๆ ตรงๆ ดูแล้วมีความหวังและอบอุ่นหัวใจ ไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แต่ก็ดูดเราไว้ตลอด มันไม่ใช่เวลาดู series ที่แม้แสนง่วง ก็ต้องกดดูตอนต่อ เพราะอยากรู้จะเป็นยังไง แต่มันแค่ดูดเราไว้ เพราะเราเริ่มรู้สึกเหมือนกำลังดูเรื่องราวของเพื่อนคนนึง

และสุดท้ายคือดนตรี ถ้าคุณเปิดฟังในวันหยุดพร้อมกับกาแฟร้อน ก็ถือเป็นวันดีๆ วันนึงแล้วละ

ดนตรี