การขุดจริงๆ เค้า ทำอย่างไร ต้องขุดตลอดหรือไม่

โดยทั่วไปคนขุด ไม่มีใคร จะขุดเองคนเดียว เนื่องจากแรงเครื่องน้อยมากเมื่อแข่งกับทั้งโลก
คนที่ขุดทจะลงโปรแกรมการขุด เข้าไปเชื่อมต่อ กับminer Pool ต่างๆ ที่เราเลือก ร่วมขุด และรับส่วนแบ่ง คล้ายสมัครสมาชิก พอได้เงินส่วนแบ่งเค้าจะโอนมาบัญชีเราตามแต่เราตั้งไว้ว่าให้โอนเมื่อครบทุกๆ เท่าไร เช่น 0.1 ETH หรือ ทุก 1 ETH

ปกติเครื่องพวกนี้ จะทำงานตลอดเวลาเพราะว่าปกติ การตรวจสอบความถูกต้อง แลจัด transection เข้าบล้อคใช้เวลาแปล็บเดียว และใช้พลัง คอมพิวเตอร์ไม่มาก

แต่ที่ช้า และกินพลังงานมากคือการถอดระหัส ซึ่งเมื่อได้ แล้วชนะแล้ว หรือคนอื่นชนะไป มันก้อเริ่มทำงาน และถอดระหัสบล้อคใหม่ต่อทันทีไม่มีการว่าง

แต่ไม่ใช่เครื่องเราจะต้องทำงานตลอดหยุดไม่ได้นะครับ เราหยุดก้อได้ ย้ายไปขุดกับเจ้าอื่นก้อได้ ถ้าเช็คแล้วผลตอบแทนดีกว่า. แต่ช่วงปิดเครื่องไม่ทำงานก้อไม่ได้ส่วนแบ่ง

ตอนย้ายไปเหมืองใหม่ ยอดเงินที่ได้ของเหมืองเก่าก้อหยุดไว้ กลับมาขุดใหม่ ก้อรับเพิ่มต่อไป

สายขุดอยากให้อ่าน

เก็บมาฝากสายขุด ครับ Live สอนการขุด ของ JIB วันที 13/6/60 ค่อนข้างละเอียด

https://www.facebook.com/jibcomputergroup/videos/1575487442493439/

 

ถาม Bitcoin และ Alt coin เหมือน สิ่งที่ไม่มีตัวตน ทำไมถึงมีค่าได้

ตอบ ในมุมมองผม เงินสกุลปกติทั่วไป ถ้าคนไม่มั่นใจ มันก้อไร้ค่า เหมือนเงินซิมบัฟเว่ที่เคยลดค่าลงหลายหมื่นเท่า

หรือแม้แต่ล่าสุดเงินเวนซูเอล่า   ที่ 2 ปีนี้ ตกลงมาเหลือ แค่ 1/400 ของเดิมเท่านั้น

สำหรับสกุลเงิน cyber ผมเองมองว่า มันไม่ใช่มีแค่ Bitcoin ตอนนี้มันมสกุล ออกมาหลายตัว แต่ล่ะตัวพ่วงนวตกรรมเจ๋งของตัวออกมาด้วย

มันคือยุคของการแข่งขันสร้างความเชื่อมั่นในบริการของแต่ละค่าย

อย่าง ETH ที่ใส่ smartcontact ไปด้วย ใช้ทำธุรกรรมแบะยืนยันเอกสารและตัวตนต่างๆได้ดี กว่า bitcoin

หรือ ZEC  ที่ copy bitcoin แต่ปรับใหม่ให้ไวกว่า และรัดกุมกว่า

ทุกวันนี้ Bit coin ได้รับการยอมรับเพราะว่าเป็นพีทใหญ่มาก่อน แต่อีกไม่นาน ความที่ อัลกอริธึ่มของมันล้อคตัวเองให้แก้ไม่ได้ ดังนั้น  มันมีโอกาศโดนรุ่นน้องโค่นได้

ยกเว้นเค้าจะออกมาพัฒนาสกุลใหม่ที่เจ๋งกว่าเก่า

ปล สกุลเงินพวกนี้จุดเด่นคือโปร่งใส และกำหนดจำนวนหมุนเวียนไว้ตายตัว ไม่มีทำเพิ่ม เหมือน พวกเงินกระดาษของไอ้กันที่พิมพ์เอาพิมพ์เอา

ถ้าเปรียบไปแล้ว มันก้อคล้ายตั๋วให้บริการโอนเงินรับฝากเงิน หรือ gift vochor ที่มีจำกัด และวนใช้กันได้

ถ้ามันขายหมดแล้ว(ไม่มีเพิ่มจำนวนอีก)แล้วบริการมันดีคนก้อแย่งกันซื้อราคาขึ้น. แต่ถ้าบริการแย่ บริษัททำท่าจะเจ๊งก้อราคาตก

แล้วพอมีบริษัทใหม่สกุลใหม่ออกมาเปิดให้บริการแข่ง เจ้าไหนดี ก้อมีราคาเพิ่ม เจ้าเก่าที่บริการด้อยกว่าก้อราคาตกลง

แต่ณ วันนี้ Bitcoin เป็นเจ้าเก่า เล่ายี่ห้อเลยได้รับความนิยมสูงสุดคนใช้บริการเยอะสุดราคาดีสุด. แต่อนาคตต้องตามต่อไป

ถาม Satoshi Nakamoto บรุษลึกลับที่สร้าง Blockchain และ Bitcoin แต่ไม่ยอมเปิดเผยตัวตน แสดงว่า ระบบนี้ไม่น่าไว้ใจหรือ

ตอบ เหตผล ในการไม่เปิดเผยตัวตนของ satoshi มีคนพูดถึงกันหลายอย่าง

บางคนก้อว่าเป็นกลุ่มบุคคลหรือ องค์กร ที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนด้วยเหตผลอะไรไม่รู้ บางคนก้อบอกว่ากลัวด้าความปลอดภัย

แม้แต่ตอนที่ Prof.W Chowdhry แห่ง UCLA เสนอชื่เค้ารับ โนเบล สาขาเศรษฐศาสตร์ ปีที่แล้ว คนคิดว่าคงจะทำให้เค้าออกมา แต่ก้อยังไม่ออกมา

ซึ่งต้องบอกว่าไม่มีใครทราบเหตผลที่แท้จริง

แต่ถ้ามองในแง่ว่า แกอาจจะมีไรไม่สุจริต ซุกซ่อนไว้ วางยา หรือเจตนาร้าย

ต้องบอกว่าถึงวันนี้ คนในวงการมองข้ามมันไปแล้ว เพราะว่า โปรแกรม และ Algorithm ของบล้อคเชนที่ใช้ใน Bitcoin เป็นopen source และเค้าเปิดเผย code ทั้งหมดให้ โลกรู้ หมดแล้ว ว่าเป็นอย่างไร

และทุกวันนี้ ค่ายยักษ์ใหญ่หลายค่าย ที่เปิดเผยตัวตน ก้อเอาBlockchain มาพัฒนากันต่อ ให้ก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้. โดยยอมรับมันว่ารัดกุมและโปร่งใส ไม่มีใครแก้ไขมันได้เพราะข้อมูลที่จัดลง Block แล้ว กระจายไปอยู่กับ คนทั่วโลกที่เก็บข้อมูลนี้ไว้เหมือนถือไว้คนล่ะก๊อปปี เมื่อปิดเครื่องไป ข้อมูลอาจจะขาดหาย. แต่ เมื่ออนไลนใหม่จะอัพเดทครบทันที. โดยเฉพาะพวก Minor ทั้งหลายที่เป็น pool และมีลูกข่ายเปิดเครื่องตลอดเวลาทั่วโลก จะมีข้อมูลครบ

หลานคนอาจจะคิดว่าข้อมูลใน Blockchain ของ bitcoin ทั่วโลกจะมีขนาดใหญ่มหาศาล

แต่ปล่าวเลย ขนาดทั้งหมด ของบล้อคที่สร้างออกมาแล้วถึงตอนนี้ 470500 กว่าบล้อค มีจำนวนแค่ 90 GB เท่านั้น เพราว่า ใน block แต่ละ block ที่สร้างออกมาถูกกำหนดไว้ ให้ มีขนาดไม่เกิน 1 MB ท่านั้น

แต่แม้ว่าข้อมูลทั้งหมด จะมีแค่  90 กว่า GB แต่ก้อยังใหญ่เกินไป สำหรับมือถือหรือคอมขนาดเล็กของคนทั่วไป ทางระบบ ก้อชาญฉลาด ที่ใช้สื่งที่เรียกว่า Client Lightblock  หรือ คล้ายกล่องปล่าวๆ หรือสารบัญ ที่เมื่อผู้ใช้ ต่ออินเตอร์เน็ตกดเรียกดูการทำรายการในกล่องใดๆ มันก้อจะดึงข้อมูลจากnode หลักมาให้ทันที

นี่คือข้อเด่นของระบบ Blockchain ที่ทุกคนเรียกดูข้อมูล แบะเป็นพยานยืนการทำธุกรรมทั้งหมดได้ด้วยตัวเองทุกรายการ

ทำไมการขุดหรือถอดระหัสเน้นการ์ดจอแรง หลายๆอันมากกว่า CPU แรงๆ

ฟังจากเซียนคอมพิวเตอร์ แล้วผมเข้าใจได้ดังนี้

การแข่งกันถอดระหัส เหมือนกับการสุ่มหากุญ แจหลายพันล้านนนนนน ดอก เพื่อเปิดกล่อง แข่งกัน ใครหาเจอก่อนชนะ ได้รางวัล ค่าสร้าง Block พร้อมทะังค่าธรรมเนียมการโอนของบล้อคนั้นไปทั้งหมด

CPU เหมือนสมองกลคิด บวกเลขเก่งทำงานไปทีล่ะแนวทีล่ะชั้น แบบลึกๆ ใช้ความคิดมาก

แต่การสุ่มระหัส หาคีย์แบบนี้ เสมือน เอากุญแจ มาทีล่ะหลายดอก เทลงบนการ์ดจอให้มันแสกนหาว่าใช่ หรือไม่ใช่ ไม่ต้องติด

Pixelated Bitcoin

สมมุติการ์ดจอนึงเหมือนถาดวางกุญแจลงไปได้ทีล่ะ ล้านดอกใช้เวลา มองสุ่มว่าใช่ไม่ใช่ชุดละ  1 วินาที

ถ้ามีการ์ดจอ 6 ถาด ก้อได้ 6 ล้านดอกใน 1 วินาที

ถ้าการ์ดจอแรง เหมือนถาดใหญ่ขยายได้ทีล่ะ 10 ล้านดอก ก้อไวขึ้น 10 เท่า

ถ้าเอาไปรวมกับpool อื่น  ก้อยิ่งใหญ่ขึ้นมาก ประมวลได้ไว เพราะว่า ระหัสมันจะสุ่มยากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบัน หลายพันล้านๆ รหัส

เงินในอากาศ จะเฟ้อมั้ย
คำตอบ คือไม่เฟ้อ เหตุผลอยู่ที่ข้างบน จำกัดแค่ 21 ล้าน BTC

คนเขียนโปรแกรมหรือเจ้าชองแก้ไข หรือปั๊มป์เงินไปใช้เองได้มั้ย
คำตอบคือ ไม่ได้ ว่ากันว่ามันเป็น OpenSource เปิดเผยโค้ด และล้อคให้แก้ไขไม่ได้ และ การวางระบบมันเช็คกันหลายชั้นและข้อมูลกระจายไปยัง คนทั่วโลกถือไว้คนล่ะก๊อปปี้ กันโกงกัน
ขนาด ยักษ์ใหญ่ทั้งหลายอย่าง ไมโครซอล์ฟ Pay Pal google ยังยอมรับ แล้ว น่าจะมั่นคงสุดๆ