สวัสดีทักทายเพื่อนๆ ค่ะ เราชื่อจี๋นะคะ ปีนี้อายุก้าวเข้าเลข 3 เป็นปีแรก ยังทำตัวไม่ค่อยถูกเลยค่ะ ตอนนี้มีอาชีพเป็นแม่ค้าขายครีมค่ะ คือจริงๆ มีน้าสาวเป็นคุณหมอผิวหนัง มีคลินิก ซึ่งน้าก็มีสูตรอยู่แล้ว แล้วเราก็ไปจ้างโรงงานผลิตในปริมาณไม่มาก เพราะว่าหลักๆ เอาไว้ใช้ที่คลินิกอยู่แล้ว จี๋ก็เอามาเริ่มเอาครีมมาขายบ้างตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว จนเริ่มทำงานประจำก็ยังขายอยู่ จนมันค่อยๆ โตขึ้น อ้อ จะบอกก่อนนะคะว่า ครีมของจี๋ทุกตัวทุกสูตรผลิตออกมาอย่างถูกต้อง ไม่มีตัวไหนผิดกฏหมายเลยค่ะ แรกๆ ขายเอง ต่อมาก็เริ่มมีผ่านตัวแทนเสียส่วนใหญ่ ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีมากๆ หลังจากนั้นที่ทุกอย่างก็โตขึ้นเรื่อยๆ แต่พอถึงจุดนึง เหมือนจุดอิ่มตัว มันก็เลยได้แค่ เรื่อยๆ แบบนั้นมาตลอด ไม่มากไปกว่านี้ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ ก็จะ 5 ปีพอดี จนปีนี้เพิ่งผ่านอายุเข้าเลข 3 มาเกือบเดือน เรามั่นใจว่าเราขายของดีจริง ไม่งั้นพวกครีมอะไรพวกนี้ ไม่อยู่มาถึง 5 ปีหรอก….

จี๋คิดอยู่นานเลยนะ ว่าจะเอายังไงดี ที่จะทำให้ธุรกิจมันโตขึ้นกว่านี้ ทีแรกก็คิดว่าจะโปรโมทออนไลน์หนักขึ้น เพิ่มตัวแทนมากขึ้น แต่พอได้ไปปรึกษาอาจารย์สมัยที่เรียน ป.ตรี ที่ยังติดต่อกันอยู่ อาจารย์ก็ลองให้ความคิดว่า ถ้าเรามั่นใจว่าสูตรเราดีจริง อยากขยายตลาดมากขึ้น ก็ต้องดูเรื่องกำลังการผลิตด้วย ทำแผนธุรกิจที่ชัดเจน หรือไม่ก็ตั้งเป้าที่จะเอาสินค้าทำแบรนด์ของเราขึ้นโมเดิร์นเทรด และไปลองขายประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็ต้องลงทุนเยอะเหมือนกัน เลยบอกให้เราไปลองปรึกษาเรื่องสินเชื่อกับธนาคารดู แล้วค่อยมาเปรียบเทียบดูว่าที่ไหนจะเวิร์คกว่ากัน แต่โดยปกตินี่ เรื่องเป็นหนี้เป็นสินจี๋นี่ห่างไกลมากๆ แต่มาถึงตรงนี้ก็ต้องสู้กันซักตั้ง เลยจะลองไปปรึกษาแต่ละแบงค์ดูค่ะ

เพราะตั้งใจจะลองคุยกับหลายๆ แบงค์เลย อยากไปที่เดียวให้มันจบเลย ก็เลยไปเซ็นทรัล พระราม 9 (ใกล้บ้าน) เพราะคิดว่า (น่าจะ) มีครบทุกแบงค์ที่เดียว ตั้งใจจะไปลองคุยๆ ซัก สาม สี่ ธนาคาร เข้าไปธนาคารแรก ก็ได้คุยเบื้องต้น กับพนักงาน พอเขารู้ว่าเราจะกู้จริงจัง ก็ได้ไปคุยกับผู้จัดการ จี๋ก็งกๆ เงิ่นๆ เพราะด้วยความที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรพวกเงินกู้เลย ก็จะเข้าใจช้าๆ หน่อย พอถามซ้ำๆ คุณผู้จัดการแบงก์แอบมีถอนหายใจนิดนึง ทำเราเสียความมั่นใจไปเลย

พอได้รายละเอียดมาประมาณนึงแล้ว ก็ลองไปอีกแบงค์นึงค่ะ ถัดมาจากแบงค์นั้นนิดหน่อย ก็เข้าไปปรึกษาเกี่ยวกับ SME ของจี๋เอง ก็ได้คุยกับพี่พนักงานคนนึงอายุประมาณนึงแล้ว อธิบายก็ค่อนข้างดีนะคะ เข้าใจได้ ตอนนี้จดมือเป็นระวิงเลยค่ะ ได้ข้อมูลมา 2 แบงค์แล้ว เลยตัดสินใจเข้าแบงค์ถัดไป

จริงๆ แบงค์นี้เราเข้าใจไปเองว่าน่าจะเหมาะกับข้าราชการทหาร เพราะชื่อธนาคารทหารไทย 5555 เลยไม่ได้ตั้งใจอะไรมาก แต่พอจี๋เข้าไปคุยเบื้องต้นกับพนักงานแล้ว เหลือบไปเห็นห้องข้างๆ เป็นห้องกระจกมีจอทีวี จี๋ก็คุยว่าตอนนี้ทำอะไร มียอดขายต่อปีเท่าไหร่ น้องพนักงานคนนั้นก็บอกว่าอยากให้เราคุยกับผู้เชี่ยวชาญเรื่อง SME ดีกว่า จะได้ข้อมูลที่ครบถ้วนกว่า เอ่อ… จี๋ก็เลยเดินตามเขาเข้าไปค่ะ ทีแรกนึกว่าจะมีคนเดินเข้ามาคุยด้วย แต่พอเข้าไปน้องพนักงานก็กดๆ ที่จอแล้วก็มีผู้หญิงอีกคนขึ้นมาที่จอให้เราปรึกษา คนนี้เองที่เราจะปรึกษาด้วย เป็นการคุยผ่านจอทีวีนะคะ เรียกให้ดีหน่อยก็คอนเฟอร์เรนท์อะค่ะ จากนั้นจี๋กับคุณพนักงานก็คุยกัน 2 คนเลย
เริ่มแรกจี๋ก็เขิล…เขิล หน่อยเพราะไม่มั่นใจแต่งหน้ามาไม่เต็มพอ 5555 (อันนี้ไม่เกี่ยว) จี๋ปรึกษาพี่ผู้เชี่ยวชาญว่าอยากได้เงินซัก 2.5 ล้าน เพราะว่าจะเอาไปเพิ่มไลน์การผลิต ปรับปรุงสูตรครีม ทำการตลาด เปลี่ยนแพ็คเก็จจิ้ง แต่ว่ามีเงินหมุนเวียนตอนนี้อยู่ที่ 13 ล้านบาทต่อปี พอจะกู้ได้ถึง 2.5 ล้านหรือเปล่า

พี่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าจะต้องดูที่สินทรัพย์ สเตทเม้นย้อนหลัง ภาระหนี้สิน และอื่นๆ ประกอบกันไป แต่ว่าตามที่เสนอหลักทรัพย์ค้ำประกันที่มีบ้านพร้อมที่ดินตอนนี้ น่าจะกู้ได้คร่าวๆ ไม่เกิน 2 ล้านบาท แต่ว่ายังไงก็ดี ก็ต้องรอพี่เจ้าหน้าที่ไปประเมินหลักทรัพย์ที่บ้านก่อน

เรื่องดอกเบี้ยถ้าเป็นแบบ OD ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ก็จะเป็น MRR บวกเท่าไหร่ หรือถ้าเป็นวงเงินสินเชื่อ ก็ MRR บวกเท่าไหร่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลังจากที่พี่เจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมชมกิจการเรา เราสามารถพูดคุยกันเรื่องดอกเบี้ยได้ด้วยค่ะ (แอบประทับใจตรงนี้)

จี๋คิดว่าเงินตรงนี้น่าจะกำลังพอดีเลยตกลง พร้อมกับถามว่าเอกสารที่จะสมัครตอนนี้ต้องใช้อะไรบ้าง แล้วจะกลับบ้านไปเอาเอกสารมาส่ง ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าตอนนี้ใช้เอกสารน้อยมาก แค่สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน หนังสือรับรองบริษัท สำเนาทะเบียนพาณิชย์ และสเตทเม้นย้อนหลัง 6 เดือน พอเสร็จตรงนี้จี๋ก็กลับบ้านไปนั่งเปรียบเทียบดูแต่ละแบงค์ว่า แบงค์ไหนที่จี๋โอเคด้วยมากที่สุด ดอกเบี้ยที่จี๋กำลังสู้ไหวด้วย

เอาจริงๆ หลายแบงก์ก็ให้ดอกเบี้ย ใกล้เคียงกัน แต่มันต่างกันที่บริการ และพนักงานที่จะช่วยให้คนที่จะทำธุรกิจเข้าใจได้ง่ายๆ หรือลดความกังวลของเราได้ ซึ่งเราก็ว่าถ้าบริการตรงนี้ดีก็ได้ใจแล้วล่ะ

ปิดท้ายอีกนิด…. เลยอยากถือโอกาสตรงนี้ มาแอบกระซิบถามสาวๆ ชาวพันทิปด้วยค่า ว่าถ้าจะเพิ่มอีกอย่างนึงที่เป็นสินค้าตัวใหม่นี่ จะเป็นตัวไหนก่อนดี ระหว่างเมคอัพรีมูฟเวอร์ กับครีมกันแดด อะไรที่เหมาะกับตลาดตอนนี้มากกว่ากันค่ะ เผื่อเอามาแนวทำตัวใหม่ออกมาค่าาา แชร์กันหน่อยนะคะ เพื่อนๆ