หลายคนกลัวว่า ในเมื่อมันเป็นเงิน ดิจิตอลเสกมาจาก อากาศ มันจับต้อง ตัวตนไม่ได้ อย่างนี้  คนคิด จะเสกผลิต เข้ามาในระบบเท่าไรก็ได้ งั้ืนต่อไป มันก็ต้องเฟ้อแน่นอน จริงมั้ย ???

คำตอบคือไม่จริง

Bitcoin  ในโลกนี้ ถูกอุปมาให้เหมือนกับทองคำที่หายาก และมีให้ ขุดค้นหา ได้ไม่เกิน 21 ล้าน coin หรือ 21 ล้าน BTC เท่านั้น

โดย Satoshi ผู้คิดค้น เค้ากำหนด โปรแกรม หรือ Algorithm ที่ตายตัวแก้ไขไม่ได้ ให้   Bitจะถูกปล่อย หรือ ถูกขุดออกมาหมุนเวียน ในโลกนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย โดนเพิ่มเร็วในระยะแรก  เหมือนทองคำที่หาง่าย แต่จะค่อยๆลดลง  ไปเรื่อย จนในที่สุดก็หมด เหมือนทองที่หมดจากโลก ไม่สามารถ ขุดสร้างเพิ่ม เข้ามาได้อีกแล้ว ได้แต่ใช้หมุนเวียน แค่ที่มี  21 ล้าน BTC กันตลอดไป

ซึ่งจากการคำนวน coin จะออกมาหมุนเวียนครบ 21 ล้าน หรือหมดไม่มีให้ขุดเพิ่มในปีประมาณ 2140

ณ ปัจจุบัน มีออกมาหมุนเวียนแล้ว ราวๆ 16 ล้านกว่า coin

และแค่ภายในปี 2040 หรือ อีก 13 ปีจากนี้ ก็จะมีออกมารวมเป็นราวๆ 20 กว่าล้าน coin

นั่นหมายถึง อีก 100 ปีถัดไป จะมี Bitcoin เพิ่มขึ้นในโลกนี้อีกไม่เกิน 1 ล้าน coin

ดูตามกราฟได้จะเห็นว่า มันจะเพิ่มขึ้นน้อยลงอย่างรวดเร็วจนไม่เพิ่มต่อไป

ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่ามันจะล้นโลก  หรือเฟ้อ

จำนวนที่มันปล่อยออกมาถูกกำหนด โดยอัจฉริยะลึกลับ ที่ไม่ นิรนาม เพราะมีนามว่า Satoshi Nakamoto  แต่ไม่มีตัวตนให้คนเห็น ไม่มีใครรู้ว่าเป็นคน หรือกลุ่มบุคคลชาติใด. แต่เค้า หรือพวกเค้า

เป็นเจ้าของ เทคโนโลยีนี้  และ ได้รับ การเสนอชื่อเข้าชิง Nobel สาขาเศรษฐาศาสตร์ ในปี 2016 โดย Prof.W Chowdhry แห่ง UCLA

ถ้าคนสงสัย ทำไม BTC มันจะหมดแค่ 21 ล้าน Coin และเพิ่มจำนวนน้อยลงเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว  ต้องดูลึกไปถึง เทคโนโลยี่ที่เค้าใช้ในการกระจายเงินออกมานั่นคือ การจ่ายค่าตอบแทน ในการ

สร้าง Block หรือกล่องบรรจุข้อมูลการทำธุรรมการเงิน ของระบบBlockChainนี้)

คร่าวๆคือระบบการเงินนี้  จะปล่อยเงินเข้าสู่ระบบโดยการให้รางวัลกับ คนที่ ช่วยยืนยันการทำรายการ โอนเงินต่างๆของระบบนี้  และ ทำการถอดระหัส ที่ทางระบบตั้งไว้ ใครหรือกลุ่มไหน ทำได้

สำเร็จ จะได้รับ รางวัล 50 BTC ต่อ block (ซึ่งทุกๆประมาณ10 นาที จะมีการสร้าง block ออกมา 1 บล้อค) ซึ่งพวกที่ช่วยทำรายการยืนยัน และถอดระหัส ทำ block นี้ เรียกกันว่านักล่าเหรียญ หรือ

นักขุด หรือ ฝรั่งเรียก Miner )  โดยในแต่ล่ะ บล้อค จะบรรจุรายการโอน Transection ไว้ เป็นพัน Transection ตามตัวอย่างในภาพ

เมื่อสร้างเสร็จ แต่ล่ะ Block ระยบจะเข้าระหัส จับแต่ ละ  block มาต่อกันเป็นสายในระบบ  และอ้างอิงถึงกันได้ ป้องกันการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ข้อมูล

นั่นหมายถึง ใน ทุกๆ 1 ชม.จะมีบล้อคที่สร้างสำเร็จ และมีคนได้รับรางวัล จำนวนประมาณ 6 บล้อค  วันละประมาณ ประมาณ144 Block หรือ ปีละประมาณ 52594 บล้อค

และBlockChain นี้ ตายตัวไว้ว่า เมื่อครบ ทุกๆ 210,000 หรือประมาณ 4 ปี จะปรับลดรางวัลในการสร้างบล้อคลง ครึ่งนึง หรือเรียกว่า Halve  ทุกๆ4 ปี

ซึ่งถึง ณ นาทีนี้ 15:00 วันที่ 12/6/17 มีบล้อคสร้างออกมาแล้ว 470,921 บล้อค

นั่นหมายถีง เราผ่าน 420,000 บล้อคแรกของ 8 ปีแรกไปแล้ว กำลัง อยู่ในชุด 4 ปี ที่สามที่ ค่าตอบแทนในการสร้างบล้อค = 12.5 Coin /block

คิดรวมเป็นCoin ที่ให้รางวัล ออกมาหมุนเวียนในระบบ ที่จ่ายออกแล้วมา

จาก 4 ปีแรก 210,000 X50 BTC = 10,5 ล้าน BTC

จาก4 ปีที่2  210,000 X 25BTC = 5.25 ล้าน BTC

และ ในช่วง 4 ปีที่สาม ถึงนาทีนี้= 50921 X 12.5 BTC =636,512.5 BTC

รวมแล้วจึงมี Bitcoin ในโลกนี้ ณ นาทีนี้  ที่เกิดมาครบประมาณ 9 ปีแล้ว =16,386,512.5  BTC

หลังจากครบ 4 ปีที่ 3 นี้ หรือ อีกประมาณ 3 ปีข้างหน้า ค่าตอบแทนต่อบล้อค จะลดเหลือ 6.25coin/block และจะลดลง ครึ่งหนึ่งเรื่อยๆ ทุก 4 ปี

ซึ่งอย่างที่บอกภายในปี 2040 หรือ อีก 13 ปีจากนี้ ก็จะมีออกมาอีกแค่ราวๆ 4 ล้าน BTCรวมเป็นราวๆ 20 กว่าล้าน coin  และ อีก 100 ปีถ้ดไปจะเพิ่มเข้าได้อีกแค่ ไม่ถึง 1 ล้าน coin

และไม่ต้องเป็นห่วงเหล่านักขุด หรือพวกที่ช่วยยืนยันblockเพราะว่าแม้ว่ารางวัลจะหมดไป แต่ค่าธรรมเนียมจาการโอนเงินในบล้อคจะเพิ่มขึ้นมาก ขึ้นเรื่อยๆ

รายได้สำหรับกลุ่มนักขุด หรือ miner  นอกจากรายได้หลักจากรางวัล ที่ว่าแล้ว ยังมีรายได้เพิ่มจากค่าธรรมเนียมในการโอนเงิน ใน Block นั้นด้วย อดีตเงินค่า Transection fee เหล่านี้น้อย มาก จนไม่ค่อยคิดกัน คือ มีระดับ แค่ 0.1-0.2 BTCต่อ Block

แต่เช็คจาก Block ล่าสุด ของBitcoin รายได้จากคนทำBlock แม้จะปรับลดเหลือ 12.5 ต่อ บล้อค และจะลดลงเรื่อยๆ ทุก 4 ปี. แต่ transection Fee ที่ได้รับ ต่อ block ขยับมาที่ 2 – 2.5  BTC ต่อ block โตขึ้น ถือว่า เติบโตอย่างรวดเร็ว และจะยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ ตามขนาดการทำธุรกรรมโอนเงิน ผ่านระบบนี้ในอนาคต

1 BTC หรือ 1 Bitcoin มีหน่วยย่อยของมัน เรียกว่า Satoshi  ตามชื่อคนคิดค้น

โดย 1 BTC  =100,000,000  (หนึ่งร้อยล้าน) satoshi ดังนั้น ไม่ต้องห่วงว่า ในโลกนี้ มี Bitcoin แค่  21 ล้าน (21,000,000)  BTC

เพราะว่า ถ้าแตกหน่วยย่อยออกไป เท่ากับเรามีเงิน สกุลนี้ 21,000,000 X 100,000,000 =  2,100,000,000,000,000 = 2.1 พันล้านล้าน Satoshi

ณ วันนี้ ค่าเงิน 1 BTC ประมาณ 100,000 บาท นั่นคือ 1000 Satoshi มีมูลค่า = 1 บาท

วันใด 1 Satoshi มีค่าเป็น 1 บาท หรือ 1 หมื่นบาท เราอาจจะเป็นการแตกสกุลย่อยลงไป เป็น 1 Satoshi = 100,000,000 nakamoto ก็ได้ ใครจะรู้

ทำความรู้จักกับ Alternate coin อื่นๆ

นอกจาก Bitcoin แล้ว สกุลเงิน Crytocurrency อื่นๆ เกิดขึ้น มาอีกหลายสกุล เช่น ETH หรือ Ethereum ซึ่งได้ยักษ์ใหญ่ ไมโครซอฟท์หนุนหลังสนับสนุน และ นอกจากจะโอนเงินแล้ว ยังมีการใส่ Smart contact หรือ แนบข้อมูลเอกสาร ต่างๆ และยืนตันรายการต่างๆแนบไปกับการโอนเงินได้ ด้วยทันสมัยกันไปใหญ่ ดังนั้นไม่แปลกที่ สองสามวันนี้ ETH จาก 240 โดดมาที่ 300 กว่าๆเมื่อตอนผม เริ่มพิมพ์ เรื่องนี้ แต่ ว่า ณะนาที นี้ 16:22 มันไปที่ 373 US $ ต่อ ETHไปแล้ว(ตอนเข้ามา Edit นี่ เกือบ 390 US แล้ว) หรือ Zerocash หรือ Zcash หรือ ZEC ซึ่งใช้ อัลกอริ่ทึ่มในการ จ่ายเงินเข้าสู่ระบบคล้ายกับ Bitcoin  และจำกัดจำนวนไว้ 21 ล้าน Coin เช่นกันโดย  ทำ block ไวกว่าทุก 2.5 นาที แต่จ่ายเงินต่อบล้อคน้อยลง ทำให้โอนเงินได้ไวกว่า และมีการเข้าระหัส ปกปิดชื่อคนโอน และรับเงินได้ ทำให้ปิดข้อด้อยของ Bitcoin ไปได้อีกหน่อย  แต่ใช้การถอดระหัสคนล่ะแบบ

หรือยังมีอีกหลายค่ายที่ กำลังทำออกมา และได้รับความนิยม เป็นที่น่าห่วงเหมือนกัน ว่า Bitcoin ที่ออกมาก่อน และ ล้อค อัลกอลิธึ่มตัวเองในการทำรายการไว้แบบนั้นแล้ว จะถูก พวกน้องใหม่รุ่นหลังๆ แก้ไขปรับปรุง แล้วล้มแชมป์พี่ใหญ่ เหมือนที่ Yahoo โดน Google และ Face Book น็อคไปแล้ว หรือป่าว

เดี๋ยวว่างๆจะค่อย เขียนเรื่อง Alt Coin อื่นเพิ่มให้  ครับ สนุกดี